โรงหุ่นกระบอก
โรงหุ่นกระบอก
แต่เดิมนั้น เจ้าของคณะหุ่นกระบอกมักจะมีโรงหุ่นกระบอกเป็นของตนเอง โรงหุ่นกระบอกมักสร้างด้วยไม้กระดาน ไม่นิยมใช้ไม้ไผ่ เพราะถือเป็นของชั่วคราว ไม่คงทนถาวร และไม่แข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสาและพื้นของโรงหุ่นกระบอก ซึ่งต้องรับน้ำหนักคนจำนวนมาก ถ้าไม่แข็งแรงก็อาจเป็นอันตรายได้
โรงหุ่นกระบอกปลูกเป็นลักษณะรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างยาวประมาณ ๕ เมตร ยกพื้นขึ้นให้สูงพอเหมาะกับสายตาของผู้ชมที่จะยืนดูได้ถนัด ส่วนมากมักยกพื้นขึ้นสูงประมาณ ๑ เมตร ถึง๑.๕๐ เมตร ความสูงจากพื้นโรงถึงหลังคาด้านหน้าประมาณ ๕ เมตร ด้านหลังและด้านข้างมีฝากั้นทึบ เพื่อกันไม่ให้คนภายนอกเข้าไปได้ ส่วนด้านหน้าตั้งเสาเรียงกัน ๔ เสา ให้มีเสาคู่กันอยู่ด้านข้าง เสาที่ตั้งคู่กันนี้ห่างกัน ๑ เมตร ฉะนั้น จะมีที่ว่างตรงกลาง ๓ เมตร
ฉาก
ฉากที่ใช้ตกแต่งโรงอาจแยกออกได้เป็น ๓ ส่วน คือ
ฉากส่วนแรก
คือ ฉากที่ขึงไว้เสมอด้านหน้าโรงระหว่างเสาทั้ง ๒ ข้าง โดยขึงตลอด ตั้งแต่ชายหลังคาจนจรดพื้นโรง เบื้องล่างมักเขียนเป็นรูปป้อมปราการ มีกำแพงเมือง และสุมทุมพุ่มไม้ตกแต่ง ที่ฉากส่วนนี้มักมีผ้าต่วน หรือผ้าแพรยกดอก แขวนตลอดความสูง ทำเป็นม่านสองไขไว้ทั้งสองข้าง โดยแขวนม่านนี้ทับด้านนอกของฉากอีกทีหนึ่ง
ฉากส่วนที่ ๒
คือ ฉากที่เขียนบนจอ ซึ่งขึงโดยให้อยู่ลึกจากริมโรงเข้าไปประมาณ ๓๐ เซนติเมตร กั้นเป็นจอ เขียนรูปอย่างฉากละคร ฉากนี้เป็นฉากใหญ่ ความยาวประมาณ ๓ เมตร พอดีกับโรง ในยุคที่การละเล่นหุ่นกระบอกเฟื่องฟู นายเปียก ประเสริฐกุล ใช้วิธีเปลี่ยนฉากตามท้องเรื่อง ฉากที่ใช้เปลี่ยนตามท้องเรื่อง มี ๓ ฉากด้วยกัน คือ ฉากปราสาทราชมนเทียร ฉากป่าเขาลำเนาไม้ และฉากท้องทะเลมหาสาคร แต่โดยทั่วไปแล้ว พื้นจอจะเขียนให้เป็นรูปอย่างไรก็ได้ แล้วแต่ความนิยมของยุคสมัย หรือเห็นงามเท่าที่นิยมกัน ในปัจจุบันมักเขียนเป็นรูปปราสาทราชวัง อย่างไรก็ตาม ฉากส่วนตรงกลางโรงนี้ จะต้องมีประตูเข้าออก ๒ ข้าง โดยมีขนาดให้พอเหมาะกับตัวหุ่นกระบอก ที่ประตูทั้ง ๒ ข้าง ติดม่านแหวกกลางไว้ เพื่อบังไม่ให้คนดูเห็นเข้าไปข้างในโรง เบื้องล่างของฉากส่วนนี้ ยกให้สูงจากพื้นโรงประมาณ ๕๐ เซนติเมตร เพื่อให้ผู้เชิดที่นั่งอยู่หลังฉาก ลอดมือออกไปเชิดหุ่นที่หน้าฉากได้สะดวก บริเวณส่วนที่เป็นชายของจอนี้ ทำด้วยผ้าโปร่งขาว สูงราว ๕๐ เซนติเมตร ยาวตลอดแนวฉาก เพื่อให้คนเชิดมองลอดออกไป เห็นตัวหุ่นที่ตนกำลังยื่นแขนออกไปเชิดที่หน้าฉากได้ แต่ผู้ชมจะมองไม่เห็นผู้เชิด หรือถ้าจะเห็นก็เพียงลางๆ เท่านั้น
ฉากส่วนที่ ๓
คือ แผงกระจกติดภาพต่างๆ ใช้กันสายตา ตั้งเรียงติดต่อกันประมาณ ๖ - ๗ ภาพ ที่ด้านล่างของโรงหุ่นกระบอกที่ระดับพื้นโรง สำหรับบังไม่ให้คนดูเห็นมือคนเชิด ที่ลอดใต้ฉากออกมา และบังชายด้านล่างสุดของผ้าขาวบางนั้นไว้ จากสายตาของผู้ชม แผงกระจกเหล่านี้เรียกว่า "กระจกบังมือ" มักประดับด้วย ภาพตัวละครสำคัญในวรรณคดีเอกของไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี เช่น พระราม พระลักษมณ์ ทศกัณฐ์ หนุมานตอนหาวเป็นดาวเป็นเดือน หรือรูปสัตว์ในวรรณคดี เช่น พญาครุฑ กินรี กินนร ไกรสร ราชสีห์ มิฉะนั้น ก็ใช้วิธีการวาดภาพบนแผ่นกระจก เป็นแผงติดด้านล่างของโรง หุ่นกระบอกคณะของนายเปียก ประเสริฐกุล ใช้วิธีวาดภาพบนด้านหลังแผ่นกระจกนี้ เพื่อให้คงทนไม่ชำรุดง่าย ภาพบนแผงกระจกเหล่านี้ จะช่วยดึงดูดความสนใจให้คนเข้ามายืนชม ก่อนที่จะมีการแสดง เป็นการฆ่าเวลาระหว่างนั่งรอชมการแสดงนั่นเอง
เครื่องดนตรี ทำนองเพลง และการดำเนินเรื่อง
เครื่องดนตรีสำหรับประกอบการแสดงหุ่นกระบอกใช้ทั้งเครื่องห้า เครื่องคู่ หรือเครื่องใหญ่ แต่ในวงปี่พาทย์สำหรับการแสดงหุ่นกระบอกจะต้องมีกลองตะโพน ซออู้ กลองต๊อก กลองแต๋ว และม้าล่อ เป็นเครื่องดนตรีสำคัญประกอบด้วย
ในตอนดำเนินเรื่องอาจใช้เพลงร่ายนอก หรือร่ายในก็ได้ แต่ที่นิยมกันมาก สำหรับการแสดงหุ่นกระบอกโดยเฉพาะ จนถือว่า เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง ของการแสดงหุ่นกระบอกคือ การใช้ทำนองเพลง "สังขารา" ซึ่งเป็นทำนองเพลงโบราณ นำมาดัดแปลงแก้ไขให้เหมาะสม กับการแสดงหุ่นกระบอก โดยประกอบเข้ากับการสีซออู้เคล้าไปในการขับร้อง เป็นการดำเนินเรื่อง
ส่วนเนื้อเรื่องที่นำมาแสดงโดยมาก เป็นเนื้อหาที่คัดสรรตัดตอนมาจากวรรณคดีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนิทานคำกลอน หรือบทละครนอก ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เช่น พระอภัยมณี ขุนช้างขุนแผน ลักษณวงศ์ ไกรทอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น